สถาปัตยกรรม (Architecture)



สถาปัตยกรรม (Architecture) คือ การออกแบบก่อสร้างสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งก่อสร้างสำหรับการอยู่อาศัยของคนทั่วไป เช่น บ้าน อาคาร และคอนโด เป็นต้น และสิ่งก่อสร้างที่คนไม่สามารถเข้าอยู่อาศัยได้ เช่น เจดีย์ สถูปและอนุสาวรีย์ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงการกำหนดผังของบริเวณต่างๆ เพื่อก่อให้เกิดความสวยงาม และเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการใช้สอยได้ตามต้องการ งานสถาปัตยกรรมนั้นนับเป็นแหล่งรวมของงานศิลปะทางการภายแทบทุกชนิด โดยมักจะมีรูปแบบที่แสดงถึงเอกลักษณ์ของสังคมและช่วงเวลานั้นๆ ได้อย่างชัดเจนโดดเด่น สามารถแบ่งลักษณะงานทางด้านสถาปัตยกรรมได้เป็น 3 แขนงดังนี้
1. สถาปัตยกรรมการออกแบบสิ่งก่อสร้าง เช่น ออกแบบการสร้างตึก อาคารและบ้านเรือน เป็นต้น
2. ภูมิสถาปัตย์ เช่น การออกแบบเพื่อวางผังสำหรับจัดบริเวณ วางผังเพื่อการปลูกต้นไม้และการจัดสวน เป็นต้น
3. สถาปัตยกรรมผังเมือง ซึ่งได้แก่ การออกแบบบริเวณของผังเมืองเพื่อก่อให้เกิดความเป็นระเบียบงดงาม สะอาด รวดเร็วในการติดต่อ และยังถูกหลักสุขาภิบาล ซึ่งสามารถเรียกผู้สร้างงานสถาปัตยกรรมนี้ได้ว่า สถาปนิก

งานด้านสถาปัตยกรรมในการก่อสร้างนั้น สามารถแบ่งส่วนที่ควรให้ความสำคัญได้ 3 ประการคือ

1. จัดทำแล้วต้องก่อให้เกิดความเรียบร้อยสวยงาม
2. ให้ความมั่นคงแข็งแรง สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย คือนอกจากงานจะออกมาสวยแล้วยังต้องสะท้อนถึงความแข็งแรงคงทนและมีความปลอดภัยต่อการใช้งานได้อย่างสมบูรณ์แบบ
3. มีประโยชน์กับการใช้งานจริง จุดนี้เองที่จะทำให้คำว่า “สถาปัตยกรรมงานก่อสร้าง” ไม่กลายเป็นเพียงแค่เรื่องความงามในแบบทัศนศิลป์แต่เพียงเท่านั้น หากแต่ยังคงเน้นไปถึงเรื่องของคุณประโยชน์ในการใช้งานจริง

องค์ประกอบทางสถาปัตยกรรม
องค์ประกอบงานทางสถาปัตยกรรม หมายถึง อาคารหรือกลุ่มอาคาร และส่วนต่างๆ ที่มีความสัมพันธ์กัน โดยนำมาประกอบขึ้นจนกลายเป็นงานสถาปัตยกรรมประเภทหนึ่ง และยังสามารถสื่อให้งานสถาปัตยกรรมชิ้นนั้นๆ สะท้อนเอกลักษณ์ออกมาให้เห็นถึงคุณลักษณะและในแง่ของประโยชน์การใช้สอยอันแสนคุ้มค่า อีกทั้งยังสะท้อนถึงด้านความงามหรือคติความหมายหรือทุกๆ อย่างที่สามารถรวมกันได้อย่างลงตัว องค์ประกอบทางด้านงานสถาปัตยกรรม สามารถแบ่งความสำคัญได้ 2 ลักษณะ คือ

1. องค์ประกอบของแผนผัง
ลักษณะทางด้านกายภาพสำหรับแนวระนาบทางนอนซึ่งเป็นการบ่งบอกถึงที่ตั้ง ขนาดของพื้นที่ว่าง ขอบเขตและความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบต่างๆ ที่นำมาประกอบกันขึ้นภายในผัง โดยทั้งนี้จะมีความแตกต่างกันไปตามความต้องการของแนวคิดและการออกแบบ สำหรับงานพุทธศาสนาสถาปัตยกรรมของไทยนั้น มักจะมีการจัดแบ่งพื้นที่ภายในออกเป็นเขต ได้แก่ เขตพุทธาวาส เขตสังฆาวาสและเขตธรณีสงฆ์ โดยแต่ละเขตก็จะมีองค์ประกอบของแผนผังที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งแบ่งไปตามหน้าที่ของประโยชน์ด้านการใช้สอยหรือคติสัญลักษณ์ตามหลักทางพุทธศาสนา
2. องค์ประกอบของอาคาร
ในส่วนอาคารที่ประกอบหรือได้รับการประดับตกแต่งขึ้นด้วยองค์ประกอบย่อยต่างๆ เพื่อให้ตัวอาคารคงทนแข็งแรง และยังคงความประณีตงดงาม ทั้งยังสามารถแสดงถึงความหมายหรือคติธรรมทางพุทธปรัชญาได้อย่างลงตัวสมบูรณ์ สำหรับองค์ประกอบของอาคารนั้นก็สามารถจำแนกออกได้เป็น 2 ลักษณะคือ

2.1 องค์ประกอบของโครงสร้าง หมายถึง ชิ้นส่วนของวัสดุต่างๆ ที่นำมาใช้ต่อหรือทำการยึดเพื่อเชื่อมโยงกันหรือประกอบกันขึ้นจนกลายเป็นโครงร่างของตัวอาคารตามกรรมวิธีหรือกระบวนการก่อสร้างที่เป็นระบบ โดยอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์และระเบียบแผนทางการช่างของกลุ่มชนหรือของสังคมนั้นๆ ซึ่งในส่วนโครงสร้างอาคารสำหรับงานสถาปัตยกรรมไทยจะมีองค์ประกอบอันสำคัญ 3 ส่วนได้แก่
1. องค์ประกอบโครงสร้างซึ่งเป็นในส่วนของฐาน ได้แก่ องค์ประกอบโครงสร้างอาคารที่นำมาประกอบกันขึ้นจนกลายเป็นส่วนของฐานอาคารเพื่อคอยทำหน้าที่ในการรองรับน้ำหนักที่ถ่ายจากส่วนด้านบน โดยอยู่เหนือพื้นเรือนขึ้นไปก่อนที่จะถ่ายลงดิน อาคารของทางศาสนาไทยนั้นมักนิยมใช้อิฐหรือศิลาแลงนำมาก่อเป็นแผงตัน แล้วจึงทำการประดับตกแต่งจนกลายเป็นฐานที่มีรูปแบบชนิดต่างๆ ไปตามคติสัญลักษณ์ เช่น ฐานบัว ฐานสิงห์ ฯลฯ ซึ่งองค์ประกอบสำคัญส่วนนี้ก็คือ พื้น และฐานราก
2. องค์ประกอบโครงสร้างส่วนเรือน ได้แก่ องค์ประกอบโครงสร้างอาคารที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นตัวเรือนเพื่อคอยทำหน้าที่ในการยึดต่อเป็นผืนผนังสำหรับช่วยห่อหุ้มตัวอาคาร และช่วยรับน้ำหนักที่ถ่ายเทลงมาจากส่วนของหลังคา ก่อนที่จะถ่ายผ่านลงไปยังส่วนของฐานเรือนต่อไป สำหรับองค์ประกอบที่สำคัญส่วนนี้นั้นก็คือ ผนัง เสา ประตูและหน้าต่าง
3. องค์ประกอบโครงสร้างส่วนหลังคา ได้แก่ องค์ประกอบต่างๆ ของโครงสร้างอาคาร ซึ่งเป็นจุดที่อยู่เหนือส่วนเรือนขึ้นไปจะประกอบเข้ากันจนกลายเป็นโครงหลังคา เพื่อคอยทำหน้าที่ในการปกคลุมพื้นที่ว่างในส่วนล่างลงมา สำหรับองค์ประกอบที่มีความสำคัญในส่วนนี้ก็คือ ขื่อ แป จันทัน ดั้ง เต้า อกไก่และคันทวย

2.2 องค์ประกอบตกแต่ง หมายถึง ส่วนประกอบต่างๆ ที่จัดทำขึ้นมาเพื่อช่วยในการแต่งเติมเสริมอาคารให้มีความสวยงามโดดเด่นยิ่งขึ้น โดยสามารถแยกออกได้เป็น 2 ลักษณะ คือ
1. องค์ประกอบตกแต่งจริง หมายถึง การประดับตกแต่งบนส่วนต่างๆ ของอาคารซึ่งไม่ใช่องค์ประกอบโครงสร้างหลักโดยตรง แต่เป็นการตกแต่งเพิ่มเข้าไปเพื่อให้อาคารนั้นๆ สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นทั้งในด้านความงามและความหมาย เช่น จิตรกรรมฝาผนัง ดาวเพดาน ช่อฟ้า ใบระกา บราลี หางหงษ์ บัวหัวเสา ฯลฯ โดยองค์ประกอบประเภทนี้ หากสร้างขึ้นมาโดยไม่คำนึงถึงความต้องการในแง่ของคติความเชื่อ ความหมายหรือมโนปรัชญา สำหรับตัวอาคารแล้วก็อาจจะมีหรือไม่มีการตกแต่งดังกล่าวก็ได้ เพราะไม่ได้ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญต่อความมั่นคงแข็งแรงของอาคารโดยตรง
2. องค์ประกอบตกแต่งเสริม หมายถึง การประดับตกแต่งซึ่งจัดทำเสริมขึ้นมาบนส่วนขององค์ประกอบที่เป็นโครงสร้างสำคัญสำหรับอาคารนั้นๆ เช่น คันทวย หน้าบัน เชิงชาย ตัวลำยอง ฯลฯ นอกจากจะตกแต่งให้องค์ประกอบย่อยเหล่านั้นมีความประณีตงดงามยิ่งขึ้นแล้ว หากก็ยังคงแฝงไปด้วยความหมายที่เป็นเชิงสัญลักษณ์ได้อย่างดีเยี่ยม เช่น คันทวยซึ่งแกะสลักเป็นรูปนาคหรือมกร เสาที่จัดทำส่วนของปลายเสาให้เป็นรูปบัว ที่เรียกกันว่า บัวหัวเสา ฯลฯ โดยองค์ประกอบเหล่านี้จะทำหน้าที่ 2 บทบาทได้ในเวลาเดียวกันคือ เป็นได้ทั้งองค์ประกอบทางโครงสร้างและองค์ประกอบของการตกแต่ง
ที่มา : สถาปัตยกรรม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น